กินจนหมดจาน ?? คุณมักรู้สึกว่าถูกบังคับให้กินอาหารจนหมดจานใช่หรือไม่ แนะนำ อีซี่วัน เก๋

กินจนหมดจาน ??

คุณมักรู้สึกว่าถูกบังคับ

ให้กินอาหารจนหมดจานใช่หรือไม่

หลายคนรู้สึกว่าต้องกินอาหารให้หมดจาน



นั่นอาจจะเป็นผลมาจากการบังคับของพ่อ-แม่

เพื่อให้คุณรู้จักคุณค่าของอาหาร

นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ความคิดแบบนี้

เป็นอันตรายต่อคนที่ต้องการ ควบคุมน้ำหนัก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณรับประทานอาหารนอกบ้าน

เพราะคนที่กำหนดปริมาณอาหารในจานไม่ใช่คุณ ดังนั้น

ปริมาณอาหารที่เสิร์ฟมาอาจมากกว่าที่คุณควรรับประทาน

และมีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น เมื่อคิดเรื่องของการตลาด

ราคาของอาหารที่สูง ย่อมมาคู่กับปริมาณอาหารที่มาก

ดังนั้น หากคุณยึดติดกับการกินอาหารหมดจาน

คุณจะได้พลังงานมากเกินไป



หากคุณตั้งใจแน่วแน่ที่จะลดน้ำหนักลงให้ได้

คุณควรที่จะยอมให้มีอาหารเหลือในจาน หรือคุณอาจจะเลือก

ที่จะสั่งล่วงหน้าว่าคุณต้องการอาหารในปริมาณที่น้อยกว่า

ปริมาณเสิร์ฟปกติ กินแทนการทำงาน บางครั้งความเบื่อหน่าย

ในการทำงานก็เป็นเรื่องที่ทำให้คุณรับประทานอาหารมากขึ้น

อาจทำเพื่อเป็นการฆ่าเวลาหรือทำเพื่อเลื่อนการทำงานออกไป



การศึกษาวิจัย เกี่ยวกับผู้ที่ควบคุมอาหารและผู้ที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร

ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตท แสดงให้เห็นว่า

เมื่อเผชิญกับการทำงานที่ซ้ำซากน่าเบื่อ บุคคลทั้งสองประเภท

คือคนที่ควบคุมอาหารและคนที่ไม่ได้ควบคุมอาหารจะรับประทานอาหาร

ประเภทขนมขบเคี้ยวมากขึ้น แต่จะรับประทานอาหารน้อยลง

เมื่อต้องทำงานที่ต้องใช้แรงกระตุ้นทางด้านจิตใจ

เช่น ทำงานเขียนเชิงสร้างสรรค์ การศึกษาเมื่อ เดือนเมษายา 2002

ในวารสารจิตวิทยาการแพทย์ ชี้ให้เห็นว่าคนที่ควบคุมอาหาร

มักจะเสียสมาธิการทำงานได้ง่าย ดังนั้น ถ้าคุณต้องอยู่ในโครงการ

ที่น่าเบื่อหรือโครงการใหญ่ๆ



คุณจะต้องรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วน

สมดุล รับประทานอาหารเช้า กลางวัน และเย็น รวมถึง อาหารว่าง

ถ้าคุณเข้มงวด กับจำนวนแคลอรี่จนมากเกินไป คุณจะคิดถึงแต่เรื่อง

อาหารการกิน และถ้าคุณพบว่าตัวเองสาระวนอยู่กับตู้เย็น

พยายามมองหาน้ำเย็นๆ ผลไม้ ก่อนที่จะเปิดกล่อง

ขนมคุ๊กกี้ลองออกไปเดินรอบอาคารสำนักงานดูบ้าง

เพื่อให้สมองของคุณหยุดคิดวกวนเรื่องของอาหาร



กินบำบัดอารมณ์

การรับประทานอาหารเพื่อให้คุณสลัดหลุดออกจากอารมณ์วุ่นวายต่างๆ

ไม่ใช่วิธีการที่สร้างสรรค์และไม่ดีต่อสุขภาพ

เพราะยิ่งคุณมีอารมณ์มากเท่าไร (โดยเฉพาะอารมณ์ในด้านลบ)

คุณก็จะยิ่งกินมากขึ้นเท่านั้น สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน

การตอบสนองต่อความหิวด้วยการกินนี้เป็นปัญหาสำคัญ

ที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม มีรายงานการวิจัยสนับสนุนเรื่องนี้

โดยการศึกษาของ ไมเคิล โลว์แห่งมหาวิทยาลัยรัทเกอร์

และ เอ็ดวิน ฟิชเชอร์ จูเนียร์ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน

ตีพิมพ์ในวารสาร Behavioral  Medicine 6(2), 1983

ได้ทำการเปรียบเทียบปฏิกริยาด้านอารมณ์กับการรับประทานอาหาร

เมื่อตกอยู่ในภาวะของอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทำการศึกษา

เป็นระยะเวลา 12 วัน ใน กลุ่มนักศึกษาหญิงที่มีน้ำหนักตัวเกิน

โดยให้นักศึกษาบอกความรู้สึกของตนเองก่อนรับประทานอาหาร

และ บันทึกอาหารและปริมาณอาหารที่รับประทาน ผลการทดลอง

แสดงให้เห็นว่า นักศึกษาหญิงที่มีรูปร่างอ้วนมีปฏิกริยาตอบสนอง

ด้านอารมณ์มากกว่า และมักจะมีแนวโน้มที่จะตอบสนองกับการกิน

มากกว่านักศึกษาหญิงที่มีน้ำหนักตัวปกติ

แต่เฉพาะในช่วงเวลามื้ออาหารว่างไม่ใช่มื้ออาหารหลัก

หากยิ่งมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากเท่าไร จะยิ่งรับประทานมากขึ้น

และคนที่มีน้ำหนักตัวมากที่สุดมีปัญหาด้านอารมณ์มากที่สุด

แต่ไม่พบความแตกต่างของนักศึกษาทั้งสองกลุ่มในการตอบสนอง

ต่ออารมณ์ด้านบวก เช่น ความสุข

อีซี่วัน เก๋ ชลดา

การสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์กับอาหารทำได้โดยการใช้

“บันทึกอาหาร” เช่นเดียวกันโดยดูว่าคุณใช้คำที่แสดงถึงความเครียด

ความเศร้า ความโกรธ ความโดดเดี่ยว ความเหน็ดเหนื่อย

บ่อยมากน้อยแค่ไหน  ลองใช้กลยุทธเหล่านี้จัดการกับอารมณ์ต่างๆ

โดยไม่หันไปหาอาหาร

เช่น พูดคุยกับเพื่อ ไปเดินเล่น เล่นกับสัตว์เลี้ยง

หรือขอให้ใครสักคนโอบกอด

ระบายความโกรธด้วยการชกกำปั้นใส่หมอน หรือกรี๊ดออกมาซะบ้าง

เผชิญหน้ากับคนที่ทำให้คุณโกรธ ร้องไห้บ้าง

ถ้าต้องการฝึกหายใจ หายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อช่วยควบคุมตนเอง

ทำงานอดิเรก หรือหางานพิเศษนอกเวลาทำฝึกโยคะ หรือฝึกสมาธิ

หาเวลาส่วนตัวทำสิ่งที่ตัวเองชอบนอนพัก หรืออาจแอบงีบบ้างเมื่อเครียด

อีซี่วันลดความอ้วน เก๋ ชลลดา