คุณอาจตัดสินใจลดน้ำหนัก
โดยพิจารณาจากขนาดของรอบเอว

หรืออาจทำโดยการเปรียบเทียบค่าดัชนีมวลร่างกาย
กับเกณฑ์มาตรฐาน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน การลดน้ำหนัก
สุขภาพใช้เกณฑ์การวัดต่างๆ มากกว่านี้ในการวิเคราะห์น้ำหนักตัว
รวมถึงพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว
เกินก่อนจะบอกว่าคุณมี น้ำหนักตัว ที่ควร ลดน้ำหนัก หรือไม่
อยู่ในเกณฑ์ของการมีสุขภาพของการมีสุขภาพที่ดีหรือไม่
• อายุเกิน 45 ปีสำหรับเพศชาย และ 55 ปีสำหรับเพศหญิง
• โรคข้อเข่า และสะโพก
• ประวัติครอบครัว กรณีมีปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากการมีน้ำหนักตัวเกิน
• ประวัติครอบครัว กรณีมีปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากการมีน้ำหนักตัวเกิน
• ประวัติครอบครัว กรณีมีการเสียชีวิตจากโรคหัวใจก่อนอายุขัย
(ต่ำกว่า 55 ปีสำหรับเพศชาย และ ต่ำกว่า 65 ปีสำหรับเพศหญิง)
• ความดันโลหิตสูง
• คอเลสเตอรอลในเลือดสูง
• น้ำตาลในเลือดสูง
• ปัญหาระบบหายใจ
• การสูบบุหรี่
ถ้าคุณมีปัญหาเสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวข้างต้น
แม้ว่าคุณจะมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักสุขภาวะก็ตาม
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพอาจแนะนำ
ให้คุณลดน้ำหนักตัวลงประมาณ 5-10 % ของน้ำหนักตัว
เพื่อปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นและลดปัจจัยที่เป็นต้นเหตุ
ของการเกิดโรคลง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังตั้ง
ครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร หรือมีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ไม่ควรคิดถึงเรื่องการลดน้ำหนักตัว
ใช้วิธีการที่ทันสมัยใหม่ล่าสุด
ค่าดัชนีมีมวลร่างกาย (BMI) และขนาดของรอบเอว
ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบน้ำหนักตัวของคุณ
กับเกณฑ์น้ำหนักสุขภาวะได้อย่างรวดเร็ว แต่คุณอาจจะ
เคยอ่านเจอวิธีการอื่นๆ ที่ใช้คำนวณหาไขมันในร่างกายแบบแปลกๆ
การชั่งน้ำหนักใต้น้ำ
การชั่งน้ำหนักใต้น้ำ เป็นวิธีการวัดที่ให้ค่าถูกต้องมากที่สุด
ในการบอกปริมาณไขมันของร่างกายเป็นร้อยละ
แต่เป็นวิธีที่ให้ผลในทางปฏิบัติน้อยที่สุด เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์
ที่มีความละเอียดซับซ้อนและทำที่ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย
วิธีการนี้อาศัยสมมุติฐานการลอยตัวของไขมัน
ลองคิดถึงน้ำมันที่ลอยอยู่ในน้ำสลัดที่อยู่ในขวด
คุณจะสามารถบอกได้ว่าร่างกายมีไขมันมากน้อยเท่าไร
แต่จะบอกไม่ได้ถ้าร่างกายจมลงใต้น้ำ
ในการหาไขมันในร่างกายในลักษณะนี้
คุณจะต้องนั่งในถังขนาดใหญ่ที่มีน้ำบรรจุอยู่เต็ม
และนั่งในเก้าอี้พิเศษที่มีเข็มขัดคาดอยู่รอบเอว
เจ้าหน้าที่เทคนิคที่ได้รับการฝึกมาจะทำให้ตัวของคุณจมลงใต้ผิวน้ำ
ขณะที่คุณหายใจเอาอากาศออกจากปอด
คุณต้องอยู่ใต้น้ำประมาณ 10 วินาทีเพื่อเจ้าหน้าที่
จะสามารถทำการบันทึกน้ำหนักของคุณได้
และจะทำเช่นนี้อยู่ประมาณ 8-10 ครั้งเพื่อหาค่าน้ำหนักเฉลี่ยของคุณ
ในการวัดปริมาตรของร่างกาย เจ้าหน้าที่จะคำนวณค่าต่าง
ระหว่างน้ำหนักของร่างกายที่วัดบนบกกับน้ำหนักของร่างกาย
ที่วัดใต้ผิวน้ำ จากนั้นจะทำการคำนวณความหนาแน่นของร่างกาย
ด้วยการหารมวลน้ำหนักของร่างกายด้วยปริมาตรของน้ำที่เข้ามาแทนที่
ลบด้วยอากาศที่เหลืออยู่ในปอด
หลังจากคำนวณความหนาแน่นแล้ว เจ้าหน้าที่จะใช้อีกสูตรหนึ่ง
เพื่อคำนวณหาร้อยละของไขมันในร่างกาย
ความหนาของชั้นผิวหนัง (Skin-fold thickness)
การวัดความหนาของชั้นผิวหนังเป็นวิธีการที่ง่ายในการ
หาร้อยละของไขมันในร่างกายโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
ทำการวัดจะสามารถหาค่าร้อยละไขมันทั้งหมดของร่างกาย
ได้อย่างถูกต้อง วิธีการวัดแบบนี้อาจให้ผลที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าบุคคลที่ทำการวัดขาดประสบการณ์หรือทักษะในการวัด
หรือทำการวัดในคนชราหรือคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน
มากๆผลสัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันอย่างมาก
ในการหาค่าร้อยละของไขมันในร่างกายโดยการใช้
วิธีการทดสอบความหนาของชั้นไขมันคนที่ได้รับการฝึกอบรม
ใช้เครื่องมือวัด เช่น แพทย์ นักโภชนาการ เจ้า
หน้าที่ศูนย์สุขภาพ จะสามารถตรวจวัดความหนาของชั้นผิวหนัง
ของคุณด้วยการใช้คาลิเปอร์ที่แขนส่วนบน หลังส่วนบน
หลังส่วนหลัง ท้อง และ ต้นขาส่วนบน
เจ้าหน้าที่จะทำการวัดสองเซตเพื่อหาค่าเฉลี่ยของแต่ละเซต
จากนั้นจะทำการแปลงค่าเป็นมิลลิเมตรจากค่าที่คาลิเปอร์อ่าน
และใส่ตัวเลขเหล่านั้นลงในสูตรการ
คำนวณเพื่อหาร้อยละของไขมันทั้งหมดในร่างกาย
ความต้านทานไฟฟ้าชีวภาพ (Bioelectrical impedance)
คำว่า Bioelectrical impedance ฟังดูอาจไม่คุ้นนัก
แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่สามารถวัดได้อย่างถูกต้องและใช้งานง่าย
แต่ก็อาจให้ผลที่ไม่ถูกต้องได้ถ้าบุคคล
นั้นอยู่ในสภาวะที่ร่างกายขาดน้ำร่างกายบวมน้ำ อ้วนมากๆ
หรือ เป็นคนชราที่มีไขมันในร่างกายน้อย
เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกมาจะอ่านค่าจากเครื่องวัด
ซึ่งจะปล่อยกระแสไฟฟ้ผ่านร่างกายในปริมาณที่ไม่เป็นอันตราย
เพื่อวัดปริมาณน้ำในร่างกายทั้งหมด ซึ่งจะสะท้อน
ให้เห็นถึงปริมาณกล้ามเนื้อของร่างกาย
(กล้ามเนื้อประกอบด้วยน้ำ ส่วนไขมันประกอบด้วยน้ำเล็กน้อยเท่านั้น)
ในการหาไขมันในร่างกาย เจ้าหน้าที่
จะทำการหาค่าต่างระหว่างน้ำหนักของร่างกายกับเนื้อเยื่อ
ของกล้ามเนื้อ นำวิธีการทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน
ให้กลับไปดูที่ดัชนีมวลร่างกาย (BMI) ขนาดของรอบเอว
ร้อยละของไขมันในร่างกาย (ถ้าคุณได้เข้าถึงวิธีการวัดนี้)
น้ำหนักสุภาวะ หรือ น้ำหนักตัวเกิน
น้ำหนักสุขภาวะ น้ำหนักตัวเกิน
BMI 19-24.9 มากว่า 25
ร้อยละไขมันในร่างกาย เพศหญิง 15-25 มากกว่า 25
เพศชาย 10-20 มากกว่า 20
ขนาดของรอบเอว เพศหญิง เปลี่ยนแปลง มากกว่า 35 นิ้ว
ความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น เมื่อจับคู่กับค่า BMI เกิน 25
เพศชาย เปลี่ยนแปลง มากกว่า 40 นิ้ว
ความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น เมื่อจับคู่กับค่า BMI เกิน 25
บางที คุณอาจไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก
ถ้าน้ำหนักตัวของคุณอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักสุขภาวะ
ถ้าน้ำหนักตัวของคุณเพิ่มน้อยกว่า 5 กก. ที่ความสูงในวัยผู้ใหญ่
และ ถ้าคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว แต่คุณสามารถ
ได้รับผลดีจากการลดน้ำหนัก ถ้าคุณมีน้ำหนักตัวเกิน และคุณ
• มีไขมันรอบเอวมากเกินไป
• มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพอันเนื่องจากมีน้ำหนักตัวมาก
• ครอบครัวมีประวัติเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพอันเนื่องจากมีน้ำหนักตัวเกิน
แพทย์อาจจะแนะนำให้คุณลดน้ำหนักตัวลงเล็กน้อย
แม้ว่าน้ำหนักตัวของคุณจะอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักสุขภาวะ
ทั้งนี้เองจากการมีน้ำหนักตัวมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
โรคอย่างเช่น โรคเบาหวาน ความดันสูง และโรคไขข้อ
การลดน้ำหนักตัวลงมา และสามารถรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
น้ำหนักสุขภาวะจะช่วยลความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านสุขภาพ
อีกทั้งยังทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
กระฉับกระเฉงมากขึ้น รวมถึงความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น
การประเมินน้ำหนักตัวจากร้อยละของไขมันในร่างกาย
ถ้าคุณมีโอกาสที่จะวัดไขมันในร่างกายด้วยวิธีการชั่งน้ำหนักตัวใต้น้ำ
การวัดความหนาของชั้นผิวหนัง หรือ ด้วยวิธีความต้านทานไฟฟ้าชีวภาพ
(Bioelectrical impedance) คุณสามารถใช้แนวทางต่อไปนี้
ในการประเมินน้ำหนักตัวของคุณได้ ร้อยละไขมันในร่างกายเพศหญิง
ปกติ ร้อยละ 15 – 25
น้ำหนักตัวเกิน ร้อยละ 25.1 – 29.9
อ้วน เกินกว่าร้อยละ 30
เพศชาย
ปกติ ร้อยละ 10 – 20
น้ำหนักตัวเกิน ร้อยละ 20.1 – 24.4
อ้วน เกินกว่าร้อยละ 25

ดูอาหารเสริมลดน้ำหนักเพิ่มเติม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น