βeta-Glucan
เบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำ (β-Glucan) หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ได้แก่ Aureobasidium คือสารประกอบประเภทน้ำตาลหลายโมเลกุล ชนิดหนึ่ง (Polysaccharide) ซึ่งได้รับจากการเพาะเลี้ยงยีสต์ดำด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของซูโครส, รำข้าว, วิตามินซี ฯลฯ ผสมกับน้ำที่อุดมด้วย แร่ธาตุโดยยีสต์ดำจะสร้างใยอาหาร เบต้ากลูแคนขึ้นมาพันรอบๆตัวเองคำว่ากลูแคนเป็นชื่อเรียกการเรียงตัวของ น้ำตาลกลูโคส โดยมีโครงสร้างการเรียงตัว คือเลข 1,3 เป็นการเรียงตัวของโซ่หลัก ส่วนเลข1,6 คือ
การเรียงตัวของโซ่ข้าง เบต้า-กลูแคน
เบต้า-กลูแคน เป็นสารที่ได้จากสิ่งมีชีวิตจำพวก เห็ด ข้าวโพด ข้าวโอ๊ด ยีสต์ หรือสมุนไพรบางชนิด
โดยเฉพาะจากทางมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการทดลองและวิจัยสารเบต้า-กลูแคนที่มีผลต่อร่างกายและได้พัฒนาเทคโนโลยีการสกัดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีค่อนข้างสูงจนสามารถสกัดเบต้า-กลูแคน ที่บริสุทธิ์ได้เองในหลายๆประเทศ
โครงสร้างของเบต้า-กลูแคน
จากศึกษาโครงสร้างของเบต้า-กลูแคน พบว่า เป็นสารจำพวกโพลีแซคคาไรด์ หรือ น้ำตาลประเภทหนึ่ง ที่มีโครงสร้างเฉพาะตัว มีหลายชนิดและมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิต
ที่นำมาใช้ในการสกัดและโครงสร้างที่ได้ เช่น “beta-1 , 3-D-glucan” “beta-1,3-1,6 glucan
ใช้ทำเป็นส่วนประสมของอาหารเสริมบำรุงร่างกาย
คำแนะนำ
อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ เบต้ากลูแคน ควรมีเครื่องหมาย อย.
เพื่อความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาการันตี
และไม่หมดอายุ..
คำเตือน เด็กและตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
แนะนำการกินวิตามิน
กินวิตามินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ (Health plus)
สารพัดอาหารเสริมมีขายกันดาษดื่นจนเลือกไม่ถูก
ชนิดไหนกันแน่ที่เหมาะกับคนวัย 30
แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราไม่ถูกหลอกจากอาหารเสริม
ที่อวดอ้างสรรพคุณเหล่านั้น มาอ่านเรื่องราวต่อไปนี้เพื่อหาคำตอบกัน
อะไรอยู่ในตู้เก็บของในครัวของคุณ มีขวดวิตามินอยู่ในนั้น
หรือไม่ หรือจะเป็นอาหารเสริมจำ
..........................................................................
...........................................................
พวกแอนตี้ออกซิแดนท์ ว่าแต่จะรู้ได้อย่างไรว่าจำเป็นต้องกินอาหารเสริมประเภทไหน หรือต้องกินเมื่อไร หรือมีความจำเป็นต้องกินจริงหรือไม่
ปัจจุบันมีอาหารเสริมให้เลือกซื้อหามากมาย แต่ละชนิดก็มีสูตร
ส่วนผสม และราคาที่แตกต่างกันไป ซึ่งพวกเรากว่าครึ่งไม่รู้แม้กระทั่ง
ว่า อาหารเสริมที่ซื้อนั้นให้คุณค่าทางอาหารอย่างที่เราต้องการหรือไม่
เมื่อเร็ว ๆ นี้สำนักงานมาตรฐานด้านอาหาร
(The Food Standards Agency) ได้ตีพิมพ์รายงานที่ระบุว่า
คนส่วนใหญ่จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม และยังเตือนด้วยว่า วิตามินและเกลือแร่
บางชนิด เช่น วิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก
หากร่างกายได้รับมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอันตราย
ขณะเดียวกันการวิจัยชี้ว่า 3 ใน 4 ของผู้หญิงอังกฤษ
ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจากอาหารที่กินในแต่ละวัน
และอีกไม่น้อยที่ขาดสารอาหารจำเป็น เช่น แมกนีเซียม
แคลเซียม กรดโฟลิก และโพแทสเซียม
วิตามินรวม : หลักประกันความมั่นใจ
แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เราได้รับสารอาหารครบถ้วน
ที่จำเป็นกับร่างกาย โดยไม่ก่อให้เกิด อันตรายแก่ร่างกาย
หรือต้องเสียเงินเปล่าประโยชน์ไปกับอาหารเสริมที่ไม่ได้ผล
นักโภชนาการเห็นด้วยว่าคุณต้องทำความรู้สึกกับวิตามินรวมคุณภาพดี วิตามินรวมเป็นเหมือนหลักประกันความมั่นใจว่า คุณจะได้รับวิตามิน
และเกลือแร่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันครบถ้วน
ตรวจสอบดูว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีส่วนประกอบของสารอาหาร
ที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน (RDA) อย่างน้อย 100%
เช่นวิตามินเอ ซี อี แคลเซียม กรดโฟลิก แมกนีเซียม โพแทสเซียม
เซเลเนียม และสังกะสี
อย่างไรก็ตาม ระดับ RDA ของสารอาหารบางชนิด
อาจน้อยเกินไปสำหรับคนบางคน โดยเฉพาะหากคุณมีปัญหา
สุขภาพบางประการ หรือหากคุณต้องการเสริมสร้างร่างกาย
ให้แข็งแรงสูงสุด ไม่ใช่แค่ชดเชยสารอาหารที่ขาดไป
แมรีออน สจ๊วต ผู้ก่อตั้งสถาบันให้คำปรึกษาชื่อว่า
the Women’s Nutritional Advisory Service และผู้เขียนเรื่อง
The Zest For Life Plan แนะให้เลือกชนิดของวิตามินที่เหมาะกับ
ความจำเป็นของแต่ละคน แทนที่จะกินแบบเหวี่ยงแห
นั่นคือเลือกที่มีวิตามินสารพัดชนิด หรือมีวิตามินบางชนิดในปริมาณ
เพียงเล็กน้อย อีกนัยหนึ่งคือวิตามินรวมที่ดีจะให้สารอาหารสำคัญ
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง แต่ถ้าอยากได้รับวิตามินสารพัดชนิดหนึ่ง
และสารอาหารอื่นใดเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษตามความจำเป็น
คุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อวิตามินรวมอีก
ซื้อวิตามินให้ถูกหลัก
ถ้าคุณคิดจะทานวิตามินรวม ให้จำไว้ว่าอาหารเสริม
แต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรคิดให้รอบคอบก่อนซื้อ
ลงทุนเพื่อสุขภาพ
อาหารเสริมจำพวกวิตามินประเภทซื้อ 1 แถม 1
ดูเหมือนเป็นส่วนลดที่ผู้ชายมอบให้ผู้ซื้อ แต่
นักโภชนาการส่วนใหญ่กลับให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่
คุณควักเงินซื้อ "อาหารเสริมคุณภาพดี มักมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดผล
กับร่างกายมากกว่า และมีสารอาหารที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย
" เจน แทนเครด กล่าว จึงไม่ต้องแปลกใจที่อาหารประเภทนี้
มักมีราคาค่อนข้างสูง
จำไว้ว่าเพื่อทางเลือกที่ดีกว่าของสุขภาพและเงินในกระเป๋าคุณ
ให้เลือกวิตามินรวมคุณภาพดี โดยนำมาผ่าครึ่ง กินวันละครึ่งเม็ดดีกว่ากินอาหารเสริมราคาถูกวันละหนึ่งเม็ด เลือกสูตร time-release formulations
อาหารเสริมสูตร time-release formulations จะออกฤทธิ์ ในร่างกายนานกว่า 8-10 ชั่วโมง และได้ประโยชน์โดยเฉพาะเมื่อ
อาหารเสริมนั้นอยู่ในรูปวิตามินที่ละลายน้ำได้ เช่น วิตามินซี
และด้วยเหตุที่ร่างกายจะขับวิตามินส่วนเกินหลังเวลาผ่านไป
2-3 ชั่วโมง ดังนั้นจึงควรกินอาหารเสริมที่ออกฤทธิ์นานตลอดวัน
อาหารเสริมชนิดเม็ด แคปซูล หรือของเหลว
เลือกชนิดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด แม้ผลการวิจัย
จะระบุว่าวิตามินในรูปของเหลวออกฤทธิ์เร็วกว่า เพราะไม่จำเป็น
ต้องผ่านการย่อยในกระเพาะอาหาร จึงซึมเข้าสู่กระแสเลือด
ได้รวดเร็วกว่า
หลีกเลี่ยงอาหารเสริมชนิดเม็ดที่ละลายในน้ำแล้วเกิดฟอง
นักโภชนาการแอนโธนี่ เฮย์ เตือนว่าอาหารเสริมดังกล่าวมักแต่งกลิ่น
และใช้สีผสมอาหาร มีส่วนผสมของน้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่น ๆ
ที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน
เมื่อคุณซื้ออาหารเสริมคุณภาพดีมาแล้ว ตอนนี้ต้องแน่ใจ
ว่าคุณรับประทานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากสารอาหาร
ที่อยู่ในอาหารเสริมดังกล่าว
เวลาในการรับประทาน
อาหารเสริมประเภท time-release formulations
และวิตามินรวมควรรับประทานตอนเช้าจะดีที่สุด แต่ก็มีอาหารเสริม
บางชนิดจำเป็นต้องทานวันละ 2-3 ครั้ง หากคุณรับประทานวิตามินรวม
เป็นประจำในตอนเช้า ต้องอย่าลืมทิ้งช่วงระหว่างดื่มกาแฟ
หรือชากับอาหารเสริมให้ห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะคาเฟอีนจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารบางชนิด
ควรทานขณะท้องว่างหรือไม่
ช่วงเวลาดีที่สุดในการทานอาหารเสริมคือทานพร้อมอาหาร เนื่องจากจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น วิตามินประเภท time-release ต้องทานตอนที่มีอาหาร
อยู่ในกระเพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเสริมไหลผ่านไปยังลำไส้
ซึ่งไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางชนิด
เช่น สังกะสีควรรับประทานก่อนอาหาร ดังนั้นก่อนทานควรอ่านฉลากให้แน่ชัดวิตามินที่เหมาะกับแต่ละคน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
จากวิตามินรวม คุณอาจจำเป็นต้องทานสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง
เฉพาะ เพื่อให้ได้สารอาหารนั้นเป็นพิเศษ ว่าแต่วิตามินและเกลือแร่
ชนิดใดที่คนอายุ 30 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องได้รับมากที่สุด
และต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับสารอาหารดังกล่าวนั้น
แคลเซียม
หากคุณไม่ทานผลิตภัณฑ์นม หรือมีประวัติคนในครอบครัว
เป็นโรคกระดูกพรุนอาหารเสริม จำพวกแคลเซียม
จะช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรง
How much : ผู้หญิงต้องได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม
แต่ถ้าทานกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม จะก่อให้เกิดปัญหา
Best buy : แคลเซียมมีเฉพาะชนิดเม็ด
เลือกซื้อแคลเซียมฟอสเฟต เนื่องจากดูดซึมได้ง่ายกว่า
Take with : ควรทานแคลเซียมร่วมกับอาหารในตอนค่ำ
จะดีที่สุด หรือเลือกทานร่วมกับแมกนีเซียมก็ได้ผลดีเช่นกัน
เนื่องจากสารอาหารสองชนิดนี้ทำงานร่วมกันได้ดี
วิตามินซี
ถ้าคุณสูบบุหรี่ ทานจั๊งค์ฟู้ดเป็นประจำ หรือกำลังต่อกร
กับโรคภัยไข้เจ็บ วิตามินซี จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานโรค
How much : ปริมาณแนะนำให้รับประทานคือ
วันละ 60 มิลลิกรัม แต่ในช่วงที่เจ็บป่วยสามารถทานได้ถึง
วันละ 1,000 มิลลิกรัม นาน 2-3 วัน หลีกเลี่ยงการรับประทาน
ในปริมาณมาก ๆ หากอยู่ในช่วงทานยาคุมกำเนิดหรือมีอาการท้องเสีย
Best buy : เลือกชนิดออกฤทธิ์ได้นานหรือ time-release formulations เพราะร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินซี
Take with : ควรทานวิตามินซีร่วมกับอาหารในตอนเช้า
หรือถ้าต้องทานมากกว่าหนึ่งโดส ให้แบ่งทานวันละมากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินซี
วิตามินอี
ใครก็ตามที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ระดับคอเลสเตอรอลสูง
หรือผิวแห้ง เหล่านี้ล้วนได้ประโยชน์จากการรับประทานวิตามินอี
How much : ผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับวิตามินอี
วันละ 10 มิลลิกรัม แต่ไม่ควรได้รับเกินกว่าวันละ 450 มิลลิกรัม
หากคุณอยู่ในระหว่างทานยารักษาโรคหัวใจ
(เช่น ยา anti-coagulant ซึ่งเป็นยาในกลุ่มวาร์ฟาริน)
ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
Best buy : ผลการวิจัยระบุว่าวิตามินอีสูตรธรรมชาติ
มีประสิทธิภาพดีกว่าสูตรสังเคราะห์ถึง 2 เท่า
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
ธาตุเหล็ก
ถ้าคุณมีประจำเดือนมามาก (มักพบในช่วงก่อนเข้าวัยทอง)
หรือทานมังสวิรัติ หรือรู้สึกอ่อนเพลียเป็นประจำ
อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดธาตุเหล็ก
How much : ผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็ก
วันละ 14 มิลลิกรัม และไม่ควรทานเกินวันละ 17 มิลลิกรัม
อย่าทานอาหารเสริมจำพวกธาตุเหล็กนานติดต่อกันเกิน 6 เดือน
โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการ เพราะหากทานมากเกินไป
อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจ
Best buy : ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กในรูปของเหลว
ได้ดีกว่า ในรูปยากเม็ดชนิดแตกตัวในลำไส้ (iron fumarate)
หรือวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก (iron sulphate)
ร่างกายดูดซึมได้ช้า ขณะที่เหล็กซัลเฟต (iron sulphate)
ร่างกายดูดซึมได้เร็ว แต่มักทำให้ท้องผูกเรื้อรัง
Take with : เลือกซื้อชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามินซี
หรือทานคู่กับน้ำส้ม 1 แก้ว จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก
ได้ดีขึ้น
แมกนีเซียม
อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือนหรืออาการวัยทอง
เช่น ร้อนวูบวาบตามร่างกาย หรือดื่มเหล้า เป็นประจำ อาจมีผลให้ระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำ
How much : ผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับวันละ 300 มิลลิกรัม
แต่ไม่เกิน 400 มิลลิกรัม
Best buy : แมกนีเซียมในรูปของคีเลต (chelated) ดีที่สุด
เพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดี
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
เซเลเนียม
หากแอนตี้ออกซิแดนท์ดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำ
ก็จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และแก่ก่อนวัย
How much : ไม่มีคำแนะนำว่าควรรับประทานเซเลเนียม
เท่าใดจึงจะเหมาะสม แต่ไม่ควรทานเกิน วันละ 350 มิลลิกรัม
Best buy : เลือกเซเลเนียมคีเลตเพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโน
ที่ช่วยในการดูดซึม
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
สอบถามหรือสั่งซื้อ
089-832-3333
083-768-6868
Line Id: beauty_dara
Line Id: bella3399
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น